เปรียบเทียบระหว่าง ลู่วิ่งไฟฟ้า กับ ลู่วิ่งที่ไม่ใช้ไฟฟ้า แบบไหนตอบโจทย์มากกว่ากัน ?

หากพูดถึงลู่วิ่งแล้ว เชื่อว่าหลาย ๆ คนคงคุ้นหูคุ้นตากันเป็นอย่างดี เพราะเป็นเครื่องออกกำลังกายที่ฮิตกับกลุ่มคนที่รักในการออกกำลังกายกันเป็นอย่างมาก ด้วยความที่การวิ่งนั้นเป็นกีฬาที่กำลังเป็นเทรนด์มาแรง อีกทั้งยังเป็นเครื่องออกกำลังกายชนิดคาร์ดิโอที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพมากที่สุดอีกด้วย

แต่การจะเลือกลู่วิ่งสักตัวเพื่อมาออกกำลังกายนั้น ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่ง่ายเสียทีเดียว เพราะก็มีหลากหลายรูปแบบให้คุณเลือก ไม่ว่าจะเป็นลู่วิ่งไฟฟ้า และลู่วิ่งที่ไม่มีไฟฟ้า ไหนจะเรื่องของสเปคที่มีราคาแตกต่างกันอีกด้วย

วันนี้เราเลยจะมาเปรียบเทียบระหว่าง ลู่วิ่งไฟฟ้า กับ ลู่วิ่งที่ไม่ใช้ไฟฟ้า มาให้สำหรับคนที่ต้องการรู้ถึงข้อดีข้อเสีย ว่ามีความแตกต่างกันอย่างไร เพื่อที่จะได้รู้ก่อนตัดสินใจซื้อครับ


ข้อดี ข้อเสียของลู่วิ่งไฟฟ้ามีอะไรบ้าง ? พร้อมบอกคุณสมบัติก่อนตัดสินใจเลือกซื้อ


วิธีดูลู่วิ่งไฟฟ้า นั้นมีปัจจัยสำคัญอยู่หลายอย่างมาก เพราะมีสเปคเครื่องที่หลากหลาย ทั้งราคาถูก และแพง ซึ่งสำหรับใครที่ต้องการสินค้าที่ดีมีคุณภาพ พร้อมกับความคุ้มค่าต่อเงินที่ได้ใช้จ่ายไป เรารวบรวมคุณสมบัติที่คุณจำเป็นจะต้องรู้มาไว้ให้แล้วครับ ดังนี้

- มอเตอร์ของลู่วิ่งไฟฟ้า

มอเตอร์ของลู่วิ่งไฟฟ้านั้นจะมีอยู่ 2 รูปแบบ คือ AC และ DC โดยส่วนใหญ่มอเตอร์ลู่วิ่งที่เหมาะใช้ในบ้านนั้นจะเป็น DC เพราะมีแรงม้า (HP) อยู่ที่ 1-3 แรงม้า

และมอเตอร์ของลู่วิ่งที่เหมาะใช้ในฟิตเนสนั้นจะเป็น AC เพราะจะมีแรงม้าตั้งแต่ 4 ขึ้นไป 

แรงม้ายิ่งเยอะเท่าไหร่อัตราการวิ่งเร็วสูงสุดก็จะสูงขึ้นด้วย รับน้ำหนักได้เยอะ และแน่นอนว่าราคาก็สูงขึ้นด้วยเช่นกัน

- รับน้ำหนักของผู้ใช้งาน

ลู่วิ่งแต่ละชนิดจะมีอัตราการรับน้ำหนักสูงสุดที่ต่างกัน ดังนั้นคุณจำเป็นจะต้องรู้น้ำหนักของตัวเอง และการรับน้ำหนักของเครื่อง เพราะหากลู่วิ่งรับน้ำหนักที่มากเกินไป จะทำให้มอเตอร์และสายพานชำรุดได้ง่าย อาจทำให้เสียเงินค่าซ่อมแพงมากกว่าค่าเครื่อง

- ขนาดของสายพานหรือพื้นที่ในการวิ่ง

สายพานลู่วิ่งยิ่งกว้างมากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งทำให้ผู้วิ่งนั้นสามารถวิ่งได้สะดวกมากขึ้น วิ่งแล้วไม่อึดอัด โดยจะมีหน่วยวัดเป็น (กว้าง x ยาว)

- ปรับความชัน

การปรับความชันของลู่วิ่งจะเสมือนรูปแบบการฝึกขึ้นเขาเพื่อเพิ่มความแข็งแรงของ โดยลู่วิ่งแต่ละเครื่องจะมีวิธีปรับความชันอยู่ 2 รูปแบบ  คือ ปรับความชันด้วยมือ (Manual) และ ปรับอัตโนมัติได้ขณะวิ่ง (Auto)

- รับแรงกระแทก

ลู่วิ่งแต่ละรุ่นมีดีไซน์และฟังก์ชันที่ต่างกัน โดยระบบรองรับการกระแทกนั้นเป็นเหมือนส้นรองเท้าที่นุ่ม ช่วยซัพพอร์ทการกระแทกระหว่างขากับลู่วิ่ง ทำให้การวิ่งนั้นปลอดภัยมากยิ่งขึ้น

- หน้าจอและโปรแกรมการวิ่ง

โดยปกติลู่วิ่งไฟฟ้านั้นจะมีโปรแกรมพื้นฐานทั้ง ความเร็ว, ความชัน, การเผาผลาญแคลอรี, เวลา, ระยะการวิ่ง, ปุ่มฉุกเฉิน แต่บางรุ่นนั้นก็จะมีโปรแกรมการฝึกวิ่ง โปรแกรมลดน้ำหนัก มากกว่านั้นบางรุ่นก็ยังสามารถเชื่อมต่อลำโพงฟังเพลงได้ด้วย 


ข้อดีเมื่อเปรียบเทียบกับลู่วิ่งที่ไม่ใช้ไฟฟ้า

- สายพานขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์อัตโนมัติ ไม่ต้องออกแรงวิ่งเยอะ ไม่เหนื่อยง่าย

- โปรแกรมวิ่งมีหลากหลาย ช่วยฝึกฝนการวิ่งและสร้างความบันเทิง

- ลู่วิ่งไฟฟ้าบางรุ่นสามารถพับเก็บได้ ประหยัดพื้นที่ มีหลายขนาดให้เลือกตามต้องการ

- ทนทานแข็งแรง ใช้งานได้ต่อเนื่อง

- ลู่วิ่งบางรุ่นนั้นติดตั้งง่าย สามารถติดตั้งได้ด้วยตัวเอง


ข้อเสียเมื่อเปรียบเทียบกับลู่วิ่งที่ไม่ใช้ไฟฟ้า

- ราคาของลู่วิ่งไฟฟ้าจะสัมพันธ์กับคุณภาพ หากอยากได้ฟังก์ชันที่ครบเครื่อง ราคาก็จะยิ่งสูง (คนงบน้อยไม่สามารถซื้อได้)

- หากเลือกสินค้าที่ไม่มีคุณภาพ หรือใช้แบบหักโหม อาจทำให้เสียค่าซ่อมได้บ่อยครั้ง 

- เป็นระบบไฟฟ้า แน่นอนว่าถ้าใช้งานเยอะก็จะทำให้เสียค่าไฟเยอะไปด้วย


ข้อดี ข้อเสียของลู่วิ่งที่ไม่ใช้ไฟฟ้ามีอะไรบ้าง ? พร้อมบอกคุณสมบัติก่อนตัดสินใจเลือกซื้อ

ลู่วิ่งที่ไม่ใช้ไฟฟ้า หรือ Curve Treadmill  บางคนอาจจะเรียกว่า ลู่วิ่งไม่ใช้ไฟฟ้า ลู่วิ่งไม่มีมอเตอร์ หรือลู่วิ่งแบบโค้ง ก็ได้เช่นกัน ซึ่งลู่วิ่งชนิดนี้มือใหม่อาจจะยังไม่ค่อยได้เห็นกันสักเท่าไหร่ เพราะมันจะเหมาะกับกลุ่มนักวิ่งมืออาชีพที่ต้องการฝึกเพื่อพัฒนาศักยภาพการวิ่งของตัวเอง โดยเรารวบรวมคุณสมบัติที่คุณจำเป็นจะต้องรู้มาไว้ให้แล้วครับ ดังนี้

- ขนาดและพื้นที่ในการวิ่ง

ลู่วิ่งที่ไม่ใช่ไฟฟ้านั้นจะมีสเปคการเลือกที่ต่างกันไม่มาก การเลือกขนาดและพื้นที่จึงเป็นเรื่องง่าย เพราะเพียงแค่เลือกพื้นที่ให้สะดวกต่อการใช้งาน เพียงแค่นั้นก็เพียงพอ

- รับน้ำหนักได้สูงสุด

โดยปกติลู่วิ่งชนิดนี้จะสามารถรองรับน้ำหนักได้มากกว่าลู่วิ่งไฟฟ้าทั่วไปอยู่แล้ว แต่ต้องเลือกดูขนาดของลู่วิ่งด้วยว่าเล็กหรือใหญ่ เพื่อจะได้รู้ถึงการรับน้ำหนักที่สามารถรับได้สูงสุด 

- ปรับความความหนืด

โดยส่วนใหญ่ลู่วิ่งประเภทนี้จะปรับความหนืดในการวิ่งได้ 0-4 (4 ระดับ) เพื่อเพิ่มแรงต้านและเป็นการฝึกฝนความแข็งแกร่ง อย่างไรก็ตาม ก่อนจะตัดสินใจเลือกซื้อนั้น ให้ดูที่การปรับความหนืดด้วย เพราะแต่ละรุ่นมีดีไซน์ที่ต่างกัน การปรับความหนืดเลยอาจจะต่างกันไปด้วย 


ข้อดีเมื่อเปรียบเทียบกับลู่วิ่งไฟฟ้า

- ระยะใช้งานยาวนาน ประหยัดค่าซ่อม ประหยัดค่าไฟ ไร้กังวลเรื่องของมอเตอร์ไฟฟ้า

- กำหนดความเร็วตามร่างกายของผู้ใช้ ไม่ต้องคอยปรับตรงหน้าจอ

- เผาผลาญไขมันได้มากกว่าลู่วิ่งไฟฟ้ามากถึง 30%

- สานพานเป็นบานเกล็ด ทำให้ใช้งานได้นานกว่าสานพานของลู่วิ่งทั่วไป

- ทำ Speed ได้สูงสุด 20km/hr ฝึกซ้อม Interval ได้สบาย ๆ


ข้อเสียเมื่อเปรียบเทียบกับลู่วิ่งไฟฟ้า

- ใช้พลังงานในการออกกำลังกายมากกว่าปกติ เหมาะกับนักวิ่งมืออาชีพเท่านั้น

- เสี่ยงต่อการบาดเจ็บสูง หากใช้ยังไม่คุ้นชิน เนื่องจากลู่วิ่งจะเป็นรูปทรงโค้ง 

- ราคาค่าซ่อมค่อนข้างสูงหากสินค้าชำรุด แต่จะชำรุดได้ยากกว่าลู่วิ่งไฟฟ้า (ควรเลือกร้านที่รับประกันสินค้า และบริการหลังการขายที่ดี) 


กำลังมองหาลู่วิ่งเพื่อออกกำลังที่บ้านอยู่ใช่หรือไม่ ? 

หากคุณกำลังมองหาลู่วิ่งสักตัวเพื่อต้องการออกกำลังกายในบ้านได้ตลอดเวลา เราขอแนะนำให้คุณเลือกซื้ออุปกรณ์กับร้านที่มีการรับประกันสินค้า และบริการหลังการขายที่ดี เพราะร้านเหล่านี้จะมีทีมงานพร้อมดูแลรักษาเมื่อเกิดอุปกรณ์ชำรุดต่าง ๆ ทำให้คุณประหยัดเวลา ประหยัดใช้จ่ายในการซ่อมแซม 


มากกว่านั้นส่วนใหญ่ร้านที่มีประสบการณ์มาอย่างยาวนานจะมีบริการติดตั้ง และส่งฟรีให้ถึงบ้านด้วย เพื่อเป็นการเลือกซื้ออุปกรณ์ที่คุ้มค่าที่สุดสำหรับคุณ โดยคุณสามารถเลือกซื้อสินค้าที่คุ้มค่าเรื่องการใช้งานและบริการหลังการขายที่ดีที่สุดได้แล้วตอนนี้ที่ Shopee , Lazada

ต้องการเปิดฟิตเนส?

ให้เราช่วยบอกคุณว่าควรเริ่มต้นอย่างไรให้ได้กำไรเข้าธุรกิจยิมของคุณให้ได้มากและเร็วที่สุด เราให้คำปรึกษาฟรีที่เหมาะกับขนาดพื้นที่และงบประมาณ

ปรึกษาฟรี!