Cheat Day คืออะไร? บอกเคล็ดลับกินยังไงให้หุ่นไม่พัง‍

สำหรับใครที่ตอนนี้กำลังมีเป้าหมายในการลดน้ำหนักและดูแลสุขภาพ ย่อมรู้ดีอยู่แล้วว่าวินัยคือเพื่อนที่ดีที่สุด แต่ความเคร่งครัดที่เกินพอดีก็อาจกลายเป็นศัตรูตัวร้ายที่ทำให้เราท้อแท้และล้มเลิกไปกลางคัน "Cheat Day" หรือ "วันหลุด" จึงไม่ได้เป็นเพียงการตามใจปาก แต่เป็นกลยุทธ์ทางจิตวิทยาและสรีรวิทยาที่ช่วยให้เราไปถึงเป้าหมายได้สำเร็จ 

บทความนี้จะพาคุณไปเจาะลึกทุกมิติของ Cheat Day ตั้งแต่ความหมายที่แท้จริง ประโยชน์ที่ซ่อนอยู่ ไปจนถึงเทคนิคการทำ Cheat Day ให้เกิดผลดีต่อร่างกายโดยไม่ทำลายความพยายามที่ผ่านมา

Cheat Day คืออะไร? 

Cheat Day คือวันที่เราสามารถกินอาหารนอกแผนการควบคุมอาหารที่ตั้งไว้ได้อย่างอิสระ โดยมักจะเป็นอาหารที่มีแคลอรีสูง เช่น ของทอด ขนมหวาน หรือ Fast Food ซึ่งปกติแล้วจะหลีกเลี่ยงในช่วงลดน้ำหนักหรือควบคุมรูปร่าง 

โดยแนวคิดของ Cheat Day ไม่ได้มุ่งเน้นให้กินแบบไร้การควบคุม แต่เป็นการให้รางวัลกับตัวเอง เพื่อผ่อนคลายความเครียดจากการกินอาหารแบบเคร่งครัด และช่วยให้สามารถรักษาวินัยการกินในระยะยาวได้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้การทำ Cheat Day อย่างเหมาะสมยังสามารถช่วยกระตุ้นระบบเผาผลาญและลดความเสี่ยงของการหลุดแผนอาหารในอนาคตได้อีกด้วย

cheat day คือ

ทำไม Cheat Day ถึงสำคัญต่อผู้ที่กำลังลดน้ำหนัก คุมรูปร่าง?

มาดูความสำคัญของ Cheat Day กันว่า ทำไมถึงช่วยในเรื่องของการลดน้ำหนักเป็นไปได้แบบไม่ทรมาณตัวเอง แต่ยังสามารถกระตุ้นระบบเผาผลาญและทำให้เรารักษาวินัยในการกินในระยะยาวได้ดีขึ้นอีกด้วย

  • ช่วยลดความเครียดจากการควบคุมอาหาร : การควบคุมอาหารอย่างเข้มงวดทุกวันอาจทำให้รู้สึกกดดันหรือหมดกำลังใจ Cheat Day จึงช่วยให้คุณได้ผ่อนคลาย และไม่รู้สึกว่า "อดทุกอย่าง"

  • ส่งเสริมให้ยึดแผนการกินได้ในระยะยาว : เมื่อรู้ว่าจะมีวันที่ได้ "ปลดปล่อย" ร่างกายและจิตใจจากการจำกัดอาหาร ก็จะช่วยให้คุณสามารถควบคุมอาหารในวันอื่นๆ ได้ง่ายขึ้น และไม่ล้มเลิกกลางทาง

  • ช่วยกระตุ้นระบบเผาผลาญ (Metabolism Boost) : การกินแคลอรีสูงใน Cheat Day อาจช่วยกระตุ้นฮอร์โมนเลปติน (Leptin) ซึ่งมีผลต่อการควบคุมความหิวและการเผาผลาญไขมัน ทำให้ร่างกายไม่ปรับตัวเข้าสู่โหมด “ประหยัดพลังงาน” หรือที่เรียกอีกชื่อว่า ภาวะน้ำหนักนิ่ง จากการกินน้อยเกินไป

  • ลดโอกาสเกิด Binge Eating : การมี Cheat Day อย่างมีแผนสามารถช่วยป้องกันพฤติกรรมกินมากเกินควบคุม (Binge Eating) เพราะคุณจะรู้ว่าไม่ต้อง “ห้ามตลอดไป”

Cheat Day กับ Cheat Meal แตกต่างกันอย่างไร ? 

เชื่อว่าสำหรับใครที่เป็นมือใหม่ด้านการออกกำลังกาย นอกจากคำว่า Cheat Day แล้วน่าจะเคยได้ยินคำว่า Cheat Meal มาบ้าง แต่อาจจะไม่เข้าใจความหมาย ซึ่งต้องอธิบายให้ชัดว่า Cheat Day และ Cheat Meal เป็นสองแนวคิดที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมอาหาร แต่มีความแตกต่างกันในแง่ของระยะเวลาและการวางแผนในการกินอาหาร 

โดยที่ Cheat Day คือวันที่เราสามารถกินอาหารตามใจชอบได้ตลอดทั้งวัน โดยไม่ต้องคำนึงถึงการจำกัดแคลอรีหรือลดอาหารบางประเภทที่กำหนดไว้ในแผนการควบคุมอาหาร ซึ่งทำให้ผู้ที่ลดน้ำหนักหรือคุมรูปร่างได้ผ่อนคลายจากความเครียดในการจำกัดอาหารในแต่ละวัน 

ส่วน Cheat Meal คือการที่เราเลือกกินอาหารที่อยากกินได้แค่ 1 มื้อต่อวัน โดยเราจะยังคงควบคุมอาหารในมื้ออื่น ๆ ที่กำหนดไว้ต่อ ดังนั้นสรุปง่าย ๆ ว่า Cheat Meal คือกินตามใจปากได้ 1 มื้อ (ส่วนมื้ออื่นคุมอาหารปกติ) ส่วน Cheat Day กินตามใจปากได้ทุกมื้อในระยะเวลาแค่ 1 วันเท่านั้น

Cheat Day ควรมีกี่วัน? เช็กความถี่ที่เหมาะสมสำหรับคุณ

นี่คือคำถามสำคัญที่ไม่มีคำตอบตายตัว เพราะความถี่ที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับเป้าหมาย ประสบการณ์ และสภาพร่างกายของแต่ละคน

  • สำหรับผู้เริ่มต้นลดน้ำหนัก: แนะนำให้เริ่มจาก "Cheat Meal" ได้ 1 มื้อต่อสัปดาห์ แทนการมี Cheat Day ทั้งวัน วิธีนี้ช่วยให้ควบคุมปริมาณแคลอรี่ส่วนเกินได้ง่ายกว่า และลดผลกระทบต่อร่างกายและจิตใจ ทำให้การกลับเข้าสู่โหมดคุมอาหารในมื้อถัดไปทำได้ง่าย

  • สำหรับผู้ที่มีประสบการณ์: สามารถมี "Cheat Day" ได้ 1 วันต่อสัปดาห์ หรือ 1 วันทุกๆ 2 สัปดาห์ ได้ โดยเฉพาะผู้ที่ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ร่างกายจะสามารถจัดการกับแคลอรี่ส่วนเกินได้ดีกว่า

  • สำหรับผู้ที่ต้องการลดไขมันอย่างจริงจัง: อาจต้องจำกัดความถี่ลงเหลือ 1 Cheat Meal ทุกๆ 10-14 วัน เพื่อให้ร่างกายอยู่ในภาวะขาดดุลพลังงาน (Calorie Deficit) ได้นานที่สุด

  • สำหรับผู้ที่ต้องการรักษาน้ำหนัก: สำหรับกลุ่มนี้จะสามารถมี Cheat Day ได้สัปดาห์ละ 1-2 วัน หรือมี Cheat Meal ได้บ่อยขึ้นตามความเหมาะสม

Cheat Day ควรมีกี่วัน

ทํา IF มี Cheat Day ไหม?

ส่วนใครที่กำลังทำ IF หรือ Intermittent Fasting ก็สามารถมี Cheat Day หรือ Cheat Meal ได้อย่างแน่นอน และช่วยทำให้การทำ IF ของคุณไม่ทรมาณตัวเองมากเกินไป หากมีการทำ Cheat Day ทำอย่างถูกวิธี

โดยหลักการสำคัญคือการให้ Cheat Day หรือ Cheat Meal ของคุณ เกิดขึ้นในช่วงเวลากิน (Feeding Window) เท่านั้น และยังคงรักษาระยะเวลาอด (Fasting Period) ไว้ตามเดิมเช่น สมมติว่าคุณทำ IF สูตร 16/8 โดยมีช่วงเวลากินคือ 12:00 น. - 20:00 น.

  1. คุณยังคงต้องอดอาหารให้ครบ 16 ชั่วโมงตามปกติ
  2. เมื่อถึงเวลา 12:00 น. คุณสามารถเริ่มกิน Cheat Meal หรืออาหารในวัน Cheat Day ของคุณได้เลย
  3. คุณสามารถกินอาหารที่อยากกินได้จนถึงเวลา 20:00 น.
  4. เมื่อถึงเวลา 20:00 น. คุณต้องเริ่มเข้าสู่ช่วงอดอาหาร 16 ชั่วโมงครั้งต่อไปทันที

อย่างไรก็ตามในวัน Cheat Day ลองวางแผนให้มื้อแรกของวันเป็นมื้อที่มีความสมดุล (มีโปรตีน ไขมันดี และคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน) ก่อน แล้วค่อยกินแบบจัดเต็มในมื้อถัดไป เพื่อช่วยลดการแกว่งของระดับน้ำตาลในเลือดอย่างรุนแรง

Cheat Day กินอะไรได้บ้าง? แนะนำอาหาร Cheat Day กินเยอะแค่ไหนก็ยังสุขภาพดี

ในวัน Cheat Day เราสามารถเลือกกินอาหารที่อยากกินได้ตามใจชอบ แต่สิ่งสำคัญคือการควบคุมปริมาณและไม่ให้เกินขอบเขตที่ทำให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพ การเลือกอาหารที่มีคุณภาพและไม่ใช่แค่สิ่งที่ให้ความสุขชั่วคราวจะช่วยให้คุณสามารถสนุกกับ Cheat Day ได้โดยไม่กระทบต่อการควบคุมน้ำหนักหรือสุขภาพในระยะยาว

อาหารที่สามารถเลือกกินใน Cheat Day ได้อย่างสุขภาพดี ได้แก่

  • พิซซ่าที่ใช้แป้งโฮลวีต
  • เบอร์เกอร์ที่ทำจากเนื้อสัตว์ที่มีปริมาณไขมันน้อย
  • ขนมหวานที่ใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติ เช่น เค้กที่ทำจากแป้งอัลมอนด์หรือขนมที่มีน้ำตาลน้อย
  • ช็อกโกแลตดาร์กที่มีปริมาณน้ำตาลน้อย
  • ไอศกรีมที่ทำจากผลไม้หรือโยเกิร์ตที่มีน้ำตาลต่ำ
  • สลัดที่ใส่ท็อปปิ้งที่ชอบ เช่น ไก่ย่างหรืออะโวคาโด
  • ซูชิที่มีปลาและผักเป็นส่วนประกอบหลัก

รับรองว่าการเลือกรับประทานอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการและไม่เกินความพอดีที่ร่างกายต้องการ ก็สามารถใช้วัน Cheat Day ได้อย่างไม่มีผลเสียต่อสุขภาพแน่นอน

5 วิธีทำ Cheat Day อย่างไรให้เวิร์คที่สุด (แบบมือโปร)

สำหรับผู้ที่ต้องการให้ Cheat Day เป็นการกินแบบตามใจปากที่ได้ประโยชน์และไม่ส่งผลเสียต่อการลดน้ำหนัก นี่คือ 5 วิธีทำ Cheat Day อย่างไรให้เวิร์คที่สุด แบบมือโปร ที่จะช่วยให้คุณได้สนุกกับการกินโดยไม่ต้องรู้สึกผิดและยังคงรักษาผลลัพธ์ที่ดีไว้ได้

วางแผนล่วงหน้าก่อนการทำ Cheat Day เสมอ

กำหนดวัน Cheat Day ลงในปฏิทิน (เช่น "วันเสาร์นี้ต้องได้กินพิซซ่า") การทำเช่นนี้ช่วยป้องกันการชีทแบบหุนหันพลันแล่นในวันอื่นๆ และสร้างวินัยทางอ้อมให้ร่างกายของคุณ

ออกกำลังกายก่อนการทำ Cheat Day

การออกกำลังกาย โดยเฉพาะการฝึกเวทเทรนนิ่ง (Weight Training), การทำ Calisthenics หรือการทำคาร์ดิโออย่างการ วิ่งโซน2 ในวัน Cheat Day หรือวันก่อนหน้าจะช่วยพร่องไกลโคเจน (พลังงานสะสมในกล้ามเนื้อ) ทำให้แคลอรี่จากอาหารที่คุณกินเข้าไปมีแนวโน้มที่จะถูกนำไปเก็บสะสมในกล้ามเนื้อแทนที่จะเปลี่ยนเป็นไขมัน

อย่าอดอาหารเพื่อรอ Cheat Day

การปล่อยให้ตัวเองหิวจัดก่อนถึงวัน Cheat Day ที่เราจะได้กินแบบตามใจปาก เป็นเรื่องที่ไม่ควรทำเพราะความหิวจะทำให้คุณขาดสติและกินเยอะเกินความจำเป็นไปมาก ควรกินมื้อปกติที่มีประโยชน์ไปก่อนในวันนั้น

ถ้ากลัวน้ำหนักขึ้นลองแค่ Cheat Meal ก่อนได้

เหมือนที่เราแนะนำไปข้างต้น สำหรับมือใหม่หรือคนที่กังวล การกินตามใจปากแค่ 1 มื้อหรือที่เรียกว่า Cheat Meal จะช่วยควบคุมน้ำหนักและปริมาณไขมันได้ดีกว่าการกินไม่ยั้งตลอดทั้งวันหรือการทำ Cheat Day 

เมื่ออิ่มให้หยุดทันที

การที่เราทำกินตามใจปากในวัน Cheat Day ไม่ได้หมายความว่าคุณต้องกินจนจุกหรือต้องกินให้อิ่มจนทรมาน แนะนำว่าให้กินอย่างมีความสุขและมีสติ กินแต่ของที่คุณอยากกินแบบรู้ลิมิตตัวเอง รับฟังสัญญาณความอิ่มจากร่างกายและให้หยุดกินทันทีเมื่อรู้สึกพอ แล้วตั้งใจไว้ว่าเดี๋ยว Cheat Day ครั้งหน้าค่อยมากินต่อ

Cheat Day คือหนึ่งในกลยุทธ์การลดน้ำหนัก ที่ต้องทำคู่กับการออกกำลังกายเสมอ

Cheat Day คือการกินที่ทำให้เราไม่รู้สึกเครียดและกดดันกับการลดน้ำหนักมากเกินไป เป็นเหมือนการ Balance ความสุขของการออกกำลังกายและการคุมอาหาร แต่อย่างไรก็ตามการทำ Cheat Day ควรจะต้องมีการทำคาร์ดิโออย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะในวันรุ่งขึ้นหลังวันชีทเดย์ คือวิธีที่ดีที่สุดในการจัดการกับแคลอรี่ส่วนเกินที่รับเข้ามา ช่วยเร่งการเผาผลาญ, ดึงพลังงานจากคาร์โบไฮเดรตและไขมันที่เพิ่งกินเข้าไปมาใช้ เพื่อให้ร่างกายของคุณแข็งแรงมากขึ้น

และเมื่อพูดถึงการคาร์ดิโอที่มีประสิทธิภาพ สะดวก และทำได้ทุกเวลา การมีลู่วิ่งไฟฟ้าคุณภาพดีติดบ้านไว้ คือการลงทุนที่คุ้มค่าที่สุดสำหรับคนรักสุขภาพที่จริงจังกับเป้าหมาย

สู่เป้าหมายการลดน้ำหนักแบบมืออาชีพ แนะนำ ลู่วิ่งไฟฟ้า Maxnum Plus+ T5

Maxnum Plus+ T5 ไม่ใช่แค่ลู่วิ่งไฟฟ้าทั่วไป แต่ถูกออกแบบมาเพื่อเป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับคนที่ต้องการลดไขมันและสร้างรูปร่างในฝันโดยเฉพาะ ด้วยฟังก์ชันที่ตอบโจทย์การเบิร์นแคลอรี่จาก Cheat Day ของคุณได้อย่างสมบูรณ์แบบ

✅ มอเตอร์ AC 4 แรงม้า: ทรงพลังและทนทาน รองรับการฝึกซ้อมที่หนักหน่วงและต่อเนื่องได้อย่างไร้กังวล ไม่ว่าจะเป็นการวิ่งยาวๆ หรือการฝึกแบบเข้มข้นสูง (HIIT)

✅ ความเร็วสูงสุด 0.5  22 กม./ชม. | ปรับความชันได้ถึง 15%: สร้างความท้าทายได้ไม่สิ้นสุด ตั้งแต่การเดินเร็วเพื่อเผาผลาญไขมัน ไปจนถึงการจำลองวิ่งขึ้นเนินเพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กล้ามเนื้อและหัวใจ

✅ หน้าจอ LED Dot-Matrix ใช้งานง่าย: มาพร้อม 40 โปรแกรมฝึกอัตโนมัติ ช่วยให้การออกกำลังกายของคุณไม่น่าเบื่อ พร้อม โหมดวัด Body Fat ที่ช่วยให้คุณติดตามความเปลี่ยนแปลงของร่างกายและเห็นผลลัพธ์ของความพยายามได้อย่างชัดเจน

✅ รองรับ Bluetooth: เปลี่ยนการออกกำลังกายให้เป็นเรื่องสนุก ด้วยการเชื่อมต่อกับแอปสุขภาพ

✅ พื้นที่วิ่งกว้าง 153 x 55 ซม. | รับน้ำหนักได้ถึง 150 กก.: มอบความสบายและความปลอดภัยสูงสุด ให้คุณวิ่งได้อย่างมั่นใจเต็มทุกย่างก้าว แม้จะมีรูปร่างใหญ่หรือวิ่งด้วยความเร็วสูง

✅ ผ่านมาตรฐาน EN957: การันตีโครงสร้างที่แข็งแรงทนทานและปลอดภัยตามมาตรฐานสากล

ไม่ว่าเป้าหมายของคุณคือการลดน้ำหนักครั้งแรก, การสร้างซิกแพคให้คมชัด, หรือแค่ต้องการรักษาสุขภาพให้แข็งแรงอยู่เสมอ Maxnum Plus+ T5 คือลู่วิ่งไฟฟ้าที่จะช่วยให้คุณ “เริ่มต้นได้ง่าย” และเป็นคู่หูที่พาคุณเดินทางสู่หุ่นในฝันที่ตั้งใจไว้แอด LINE ID: maxnumfitness หรือคลิก bit.ly/3y9h0tX เพื่อสั่งซื้อได้ทันที

ต้องการเปิดฟิตเนส?

ให้เราช่วยบอกคุณว่าควรเริ่มต้นอย่างไรให้ได้กำไรเข้าธุรกิจยิมของคุณให้ได้มากและเร็วที่สุด เราให้คำปรึกษาฟรีที่เหมาะกับขนาดพื้นที่และงบประมาณ

ปรึกษาฟรี!