คู่มือการวิ่งจ๊อกกิ้ง หนึ่งในการวิ่งที่ง่ายมากที่สุด พร้อมแนะนำเทคนิคการวิ่งที่คุณอาจยังไม่รู้

คู่มือการวิ่งจ๊อกกิ้ง หนึ่งในการวิ่งที่ง่ายมากที่สุด พร้อมแนะนำเทคนิคการวิ่งที่คุณอาจยังไม่รู้

สำหรับมือใหม่ที่อยากเริ่มต้นลดน้ำหนักด้วยการวิ่ง คุณอาจยังไม่ทราบว่าคุณไม่จำเป็นต้อง ‘เริ่มวิ่งออกกำลังกายอย่างรวดเร็ว’ เพราะเพียงแค่การ ‘วิ่งจ๊อกกิ้ง’ ก็เพียงพอสำหรับการพัฒนาร่างกาย เผาผลาญไขมันและเพิ่มสมดุลให้กับชีวิตของคุณแล้ว

เพราะหนึ่งในอุปสรรคที่ทำให้หลายคนต้องล้มเลิกการออกกำลังกายไปก็เป็นเพราะว่าพวกเขา ‘หักโหม’ เลือกวิธีการออกกำลังกายที่ไม่ถูกต้อง เหนื่อยล้ามากเกินไปกว่าที่ร่างกายจะรับไหว จากนั้นพวกเขาก็หมดกำลังใจ ดังนั้นวันนี้ NBA Sportmanagement จึงขอมาแนะนำหนึ่งในวิธีการวิ่งออกกำลังกายที่ง่ายและดีต่อสุขภาพมากที่สุดกับการ ‘วิ่งจ๊อกกิ้ง’

วิ่งจ๊อกกิ้ง คืออะไร?

วิ่งจ๊อกกิ้ง (Jogging) คือการวิ่งเหยาะ ๆ หรือวิ่งช้า ๆ ด้วยความเร็วพอประมาณ โดยขั้นตอนสามารถสลับกันได้ระหว่างการเดินกับการวิ่ง ซึ่งส่วนใหญ่จุดประสงค์คือการเพิ่มความแข็งแรงให้กับร่างกายด้วยการ ‘ลดความตึง’ จากการวิ่งจ๊อกกิ้ง และถ้าพูดถึงความเข้มข้นของการวิ่งจ๊อกกิ้ง ก็มีกลุ่มคนที่เรียกตัวเองว่า Joggers (คนรักการวิ่งจ๊อกกิ้ง) ได้ให้คำรายละเอียดเอาไว้ว่า

 “การวิ่งจ๊อกกิ้งเป็นการวิ่งที่ต่ำกว่า 10 กิโลเมตร/ชั่วโมง* (ช้ากว่า Pace 6) ท่าทางการวิ่งจ๊อกกิ้งที่เป็นธรรมชาติควรจะปล่อยแขนขาสบาย ๆ ไม่เกร็งแต่มีความสม่ำเสมอต่อเนื่อง”

*ทั้งนี้ การวิ่งจ๊อกกิ้งจะเร็วหรือช้านั้นก็ขึ้นอยู่กับผู้ออกกำลังกายว่าจะเลือกโปรแกรมแบบไหน เพราะร่างกายแต่ละคนนั้นมีความแข็งแรงไม่เท่ากัน ดังนั้นเราขอแนะนำให้ยึดหลักดังกล่าวเป็นแค่ตัวอย่างคร่าว ๆ เท่านั้น

วิ่งจ๊อกกิ้งแตกต่างกับการวิ่งทั่วไปอย่างไร?

การวิ่งจ๊อกกิ้งกับการวิ่งธรรมดาจัดว่าอยู่ในหมวดการวิ่งเหมือนกัน แต่ขั้นตอนการปฏิบัตินั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ทั้งด้านความเข้มข้น ความสม่ำเสมอ การก้าวเท้า ฯลฯ ซึ่งสามารถแบ่งอธิบายออกมาได้ดังนี้

ภาพจาก godigit
  • การวิ่งจ๊อกกิ้งจะใช้ความเร็วระดับ ‘ต่ำ’ ไปจนถึง ‘ปานกลาง’ พูดได้ว่าเป็นระดับความเร็วที่เราสามารถวิ่งไปชมนกชมไม้ ดื่มด่ำกับบรรยากาศได้ แต่การวิ่งทั่วไปจะมีความเร็วปานกลางค่อนไปสูง
  • การวิ่งจ๊อกกิ้งจะมีจังหวะการก้าวเท้าที่สั้นและต่อเนื่องมากกว่า ในขณะที่การวิ่งปกติจะก้าวยาวกว่ามาก
  • การวิ่งจ๊อกกิ้งจะเน้นความทนทานและความอดทนมากกว่า แต่การวิ่งปกติจะเน้นความเร็วและระยะทาง

ประโยชน์ของการวิ่งจ๊อกกิ้ง

ช่วยลดน้ำหนัก เผาผลาญไขมัน

การวิ่งจ๊อกกิ้งสามารถเผาผลาญได้สูงราว ๆ 150 กิโลแคลอรีต่อระยะทาง 1.6 กิโลเมตร ซึ่งถ้าคุณวิ่งต่อเนื่องขึ้นเรื่อย ๆ ก็จะยิ่งเพิ่มอัตราสูงขึ้นได้อีก มากไปกว่านั้นตัวเลขนี้ยังไม่รวมการเผาผลาญ Passive เสริมระหว่างวันอย่าง Afterburn Effect ที่จะช่วยคุณเผาผลาญเพิ่มเติมได้มากขึ้นอีกถึง 48-72 ชั่วโมงเลยทีเดียว 

ภาพจาก healthline

อย่างไรก็ตาม อัตราการเผาผลาญยังขึ้นอยู่กับน้ำหนักอีกด้วย เช่น ผู้มีน้ำหนักตัว 70 กิโลกรัม วิ่งจ๊อกกิ้งระยะทาง 10 กิโลเมตรเป็นเวลา 30 นาทีจะสามารถเผาผลาญได้ประมาณ 335 แคลอรี แต่ถ้าน้ำหนักตัวอยู่ที่ 110 กิโลกรัมอาจจะอยู่ที่ราว ๆ 360-400 แคลอรี เป็นต้น 

เป็นรูปแบบการวิ่งที่ง่าย เหมาะกับทุกเพศทุกวัย

หากใครอยากเริ่มคาร์ดิโอง่าย ๆ มีแรงกระแทกน้อย ไม่เจ็บขา ไม่ปวดสีข้างจากความเหนื่อยเวลาวิ่ง การวิ่งจ๊อกกิ้งสามารถช่วยให้ทุกคนเริ่มต้นออกกำลังกายได้เป็นอย่างดี นอกจากประโยชน์อีกมากมายที่คุณจะได้แล้ว ยังทำให้ร่างกายคุณปรับตัวให้พร้อมสำหรับการวิ่งออกกำลังกายที่หนักหน่วงขึ้นในอนาคตได้อีกด้วย

ลดความเครียด เพิ่มอารมณ์ที่ดี

จากคำแนะนำของแพทย์และผู้เชี่ยวชาญสุขภาพรอบโลก การวิ่งจ๊อกกิ้งจะช่วยลดระดับคอร์ติซอล (Cortisol) ฮอร์โมนแห่งความเครียดให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ และจะปล่อยสารแห่งความสุขอย่างเอ็นดอร์ฟิน (Endorphin) ออกมาเพื่อให้ร่างกายรู้สึกมีความสุข บรรเทาอาการซึมเศร้าและอาการวิตกกังวลได้อีกด้วย โดยมีผลการศึกษาพบว่า ผู้ที่วิ่ง (ไม่ว่าจะเป็นการวิ่งอะไรก็ตาม รวมถึง วิ่งจ๊อกกิ้ง) จะมีแนวโน้มเป็นโรคซึมเศร้า มีความเครียดหรืออาการวิตกกังวลที่ลดลง

ฮอร์โมนไม่ได้เกิดขึ้นจากการวิ่งจ๊อกกิ้งเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการออกกำลังกายทุกชนิดบนโลก ถ้าคุณอยากรู้ความสัมพันธ์ระหว่างฮอร์โมนและการออกกำลังกาย คุณสามารถอ่านเพิ่มเติมได้เลยที่บทความนี้

>> ฮอร์โมนกับการออกกำลังกาย ตัวช่วยสำคัญของผู้รักสุขภาพทุกคน 

เสริมภูมิคุ้มกัน ลดโอกาสเป็นโรคร้ายหลายชนิด

ผลงานวิจัยจากสถาบันมะเร็งและสุขภาพได้เผยว่า การวิ่งจ๊อกกิ้งจะเพิ่มภูมิต้านทานให้กับร่างกายได้สูงที่ถึงแม้ว่าจะเป็นการออกกำลังกายความเข้มข้นระดับต่ำ-ปานกลางเท่านั้น โดยโรคร้ายที่การวิ่งจ๊อกกิ้งสามารถช่วยลดโอกาสลงได้จะมีทั้งโรคมะเร็ง, โรคหัวใจ, โรคอ้วน, โรคเบาหวาน ซึ่งเป็นโรคฮิตที่มักจะเกิดบ่อย ๆ กับคนที่ไม่ได้ออกกำลังกายเลย

พัฒนาร่างกายได้ทุกส่วน

เมื่อคุณวิ่งจ๊อกกิ้ง กล้ามเนื้อจะมีการหดตัวเพื่อรักษาระดับความอบอุ่น ซึ่งข้อดีของการหดตัวกล้ามเนื้อบ่อย ๆ เป็นประจำคือการกระตุ้นกระบวนการสร้าง ‘เซลส์กล้ามเนื้อ’ รวมถึงพัฒนา ‘ไมโทคอนเดรีย’ ซึ่งเป็นเซลส์แหล่งพลังงานในร่างกาย ทำให้คุณมีความทนทานและร่างกายแข็งแรงขึ้นนั่นเอง

ภาพจาก healthline

นอกจากนั้นการวิ่งจ๊อกกิ้งยังช่วยยืดกระดูกสันหลัง ทำให้ร่างกายผ่อนคลาย, ลดอาการปวดเมื่อยส่วนหลัง ซึ่งการวิ่งจ๊อกกิ้งนับว่าเป็นอีกหนึ่งวิธีในการลดโอกาสการเป็น Office Syndrome ได้อีกด้วย

คุณสามารถอ่านบทความเพิ่มเติมเกี่ยวกับการรักษา Office Syndrome ได้ที่นี่

>> ออฟฟิศซินโดรม Office Syndrome คืออะไร โรคยอดฮิตของคนทำงานออฟฟิศ ดูแล ป้องกัน ได้อย่างไร?

เทคนิคการวิ่งจ๊อกกิ้งที่คุณควรนำไปใช้

วอร์มอัพและคูลดาวน์ก่อน-หลังวิ่งจ๊อกกิ้ง

หลายคนอาจละเลยการวอร์มอัพ-คูลดาวน์ไป แต่จริง ๆ แล้วขั้นตอนนี้เป็นขั้นตอนสำคัญที่จะช่วยให้ร่างกายคุณฟิต, วิ่งจ๊อกกิ้งได้นานขึ้นและลดโอกาสบาดเจ็บได้มาก โดยขั้นตอนการวอร์มอัพก่อนวิ่งจ๊อกกิ้งทำได้ง่าย ๆ เพียงเริ่มวิ่งเหยาะ ๆ ด้วยความเร็วที่ช้ากว่าที่ใช้วิ่งปกติ และเมื่อวิ่งจ๊อกกิ้งเสร็จให้ยืดเหยียดกล้ามเนื้อด้วยท่าคูลดาวน์ ซึ่งคุณสามารถดูได้ที่ บทความนี้ 

ก้าวเท้าให้ถูกต้อง

วิธีก้าวเท้าที่ถูกต้องของการวิ่งจ๊อกกิ้งคือการที่ ส้นเท้าควรสัมผัสกับพื้นก่อนฝ่าเท้า และเมื่อฝ่าเท้าแตะพื้น ปลายเท้าจะถีบตัวขึ้นอัตโนมัติและปฏิบัติซ้ำเพื่อเป็นการลดแรงกระแทก, ถนอมสุขภาพเข่าและข้อเท้าของคุณ

ปรับฟอร์มให้ธรรมชาติ

ภาพจาก byrdie

หลักที่สำคัญที่สุดของฟอร์มการวิ่งจ๊อกกิ้งคือ ‘ห้ามเกร็ง’ โดยควรแอ่นหลังให้ร่างกายเป็นเส้นตรงเสมอ และสายตาควรมองตรงไปข้างหน้า ไม่ก้มศีรษะ ลำตัวไม่โน้มไปด้านหน้าหรือเอนไปข้างหลังขณะวิ่งจ๊อกกิ้ง และในส่วนของแขนจะแกว่งเป็นจังหวะคล้ายลูกตุ้มนาฬิกา กำมือหลวม ๆ และบางครั้งอาจเหยียดแขนตรงลงมาหรือเขย่าแขนเพื่อคลายกล้ามเนื้อได้ 

หายใจให้เต็มปอด

ขณะวิ่งจ๊อกกิ้ง การหายใจควรหายใจสบาย ๆ ผ่านทางจมูกและปล่อยลมหายใจออกผ่านทั้งทางจมูกและปาก เน้นหายใจให้เป็นจังหวะให้เต็มปอด ด้วยการสูดลมหายใจให้ท้องขยายและบังคับปล่อยลมด้วยการแขม่วท้องเพื่อป้องกันอาการจุกเสียดขณะวิ่งจ๊อกกิ้ง

สรุป

มือใหม่อยากลดน้ำหนักไม่ต้องเริ่มต้นยาก ๆ ด้วยการวิ่งแบบเต็มสตรีม เพียงแค่เริ่มวิ่งจ๊อกกิ้ง คุณก็สามารถรับประโยชน์มากมายดั่งเช่นการวิ่งแบบหนักหน่วงได้เช่นเดียวกัน NBA Sportmangement หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้คุณสุขภาพดีขึ้นได้อีกระดับง่าย ๆ แบบไม่ต้องเสี่ยงอาการบาดเจ็บเยอะ

วิ่งจ๊อกกิ้งง่าย ๆ จากที่บ้าน เริ่มได้เลยบนลู่วิ่งไฟฟ้า

ในยุคนี้คุณไม่จำเป็นต้องออกไปวิ่งจ๊อกกิ้งข้างนอกบ้านแล้ว เพราะลู่วิ่งไฟฟ้าเป็นตัวช่วยที่จะทำให้คุณวิ่งจ๊อกกิ้งได้ทุกเมื่อตามที่คุณต้องการจากที่บ้านของคุณ หากคุณไม่อยากเสี่ยงกับ COVID-19, มลภาวะต่าง ๆ หรืออันตรายมากมายนอกบ้าน ลู่วิ่งไฟฟ้า เป็นสิ่งที่คุณคู่ควรมากที่สุดในขณะนี้ 

หากคุณสนใจอยากซื้อลู่วิ่งไฟฟ้าแล้ว NBA Sportmangement ขอแนะนำสุดยอดลู่วิ่งไฟฟ้า 5 รุ่นเกรด Home Gym สุดคุ้ม ราคาดี ตัวใหม่ปี 2022 ที่บอกได้เลยว่าต้องถูกใจ ตอบโจทย์การวิ่งจ๊อกกิ้งในบ้านได้อย่างมีประสิทธิภาพและลดแรงกระแทกลงอีกได้มหาศาล โดยสามารถเลือกดูได้เลยที่บทความนี้

>> ลู่วิ่งไฟฟ้า ยี่ห้อไหนดี แนะนำ 5 ลู่วิ่งไฟฟ้า Home Gym สุดคุ้มราคาดี อัปเดตสิ้นปี 2022

และพิเศษสุด ๆ ถ้าคุณซื้อลู่วิ่งไฟฟ้าตอนนี้ เราขอมอบ ‘บริการหลังการขาย’ อันดับ 1 ในประเทศไทยที่รับรองคุณภาพจากแบรนด์ผลิตเครื่องออกกำลังกายอันดับ 1 ในโลกอย่าง Gym80 ดังนี้

  • จัดส่ง-ติดตั้งให้ฟรีถึงที่บ้าน
  • ซ่อมแซมได้รวดเร็วด้วยมาตรฐานสำรองอะไหล่ 5%
  • รับรองคุณภาพขั้นต่ำ 1 ปี
  • ตรวจสอบสภาพเครื่องออกกำลังกายให้ทุก 4 เดือนให้คุณอุ่นใจอยู่เสมอ

อ่านบทความเพิ่มเติมที่น่าสนใจจากเราได้เลย

>> การใช้ลู่วิ่งไฟฟ้าต้องเริ่มอย่างไร ? แนะนำเทคนิคการใช้ลู่วิ่งไฟฟ้าง่าย ๆ มือใหม่ทำตามได้ทันที

>> หมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท รักษาอย่างไร รวม 5 วิธีรักษาได้ด้วยตัวเองจากที่บ้าน

>>การเดินออกกำลังกาย มีผลประโยชน์ต่อร่างกายและจิตใจมากกว่าที่คุณคิด

ต้องการเปิดฟิตเนส?

ให้เราช่วยบอกคุณว่าควรเริ่มต้นอย่างไรให้ได้กำไรเข้าธุรกิจยิมของคุณให้ได้มากและเร็วที่สุด เราให้คำปรึกษาฟรีที่เหมาะกับขนาดพื้นที่และงบประมาณ

ปรึกษาฟรี!