10 ปัจจัยที่เจ้าของฟิตเนสมือใหม่ควรคำนึง เพื่อปูทางให้ธุรกิจประสบความสำเร็จ

10 ปัจจัยที่เจ้าของฟิตเนสมือใหม่ควรคำนึง เพื่อปูทางให้ธุรกิจประสบความสำเร็จ

ถึงแม้ว่าในขณะนี้สถานการณ์ COVID-19 จะทวีคูณความรุนแรงมากยิ่งขึ้น แต่ก็ไม่สามารถหยุดการเติบโตของ ‘ธุรกิจฟิตเนส’ ได้ ด้วยทิศทางการเติบโตของมูลค่าธุรกิจที่หากดูกันที่ตัวเลขแล้วจะพบว่ามีการเติบโตที่สูงขึ้นเรื่อย ๆ มาตั้งแต่ปี 2019

กรมพัฒนาธุรกิจการค้าได้เผยว่า ธุรกิจฟิตเนส ตั้งแต่ปี 2019 จนถึงปัจจุบัน มีมูลค่าของธุรกิจเกิน 10,000 ล้านบาท และมีแนวโน้มที่จะเติบโตอย่างต่อเนื่องเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่าน ๆ มา อีกทั้งยังเป็นปีทองของ ‘ธุรกิจชุดกีฬา’ และ ‘อุปกรณ์กีฬาภายในบ้าน’ ที่มีแนวโน้มการเติบโตเพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน เหตุผลหลัก ๆ มาจากการเปลี่ยนแปลงของไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของผู้คนหลังจากเกิดการแพร่ระบาดของไวรัส Covid-19 

ดังนั้น หากคุณเป็นอีกคนหนึ่งที่ต้องการจะก้าวเข้าสู่การเป็นเจ้าของฟิตเนส ในบทความนี้ NBA Sportmanagement จะมาช่วยตอบทุกคำถามที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับการเปิดฟิตเนส และอธิบายถึงปัจจัยที่เจ้าของฟิตเนสมือใหม่ทุกคนควรคำนึงพิจารณาตลอดการลงทุน

เช็กลิสต์สำรวจตัวเองก่อนเป็นเจ้าของฟิตเนส

การคิดริเริ่มจะทำธุรกิจสักอย่าง คุณจะต้องตั้งคำถามกับตัวเองก่อน ว่าคุณมีความหลงใหล และชอบสิ่งนั้นจริงหรือไม่ เพราะหลังจากที่คุณได้เริ่มลงทุนแล้ว คุณจะต้องทุ่มเวลา ทุ่มความสามารถทั้งหมดให้กับการดำเนินธุรกิจอย่างต่อเนื่อง

ภาพจาก yanrefitness

เราได้จัดทำเช็กลิสต์เบื้องต้นเพื่อสำรวจว่าคุณมีความพร้อมในการเป็นเจ้าของฟิตเนสหรือไม่ สามารถเช็กได้ด้วยปัจจัยดังนี้

  • คุณเป็นคนที่มีความรัก และหลงใหลในการออกกำลังกาย
  • มีเงินทุน, เงินเย็น, เครดิตสำหรับการกู้ยืมจากธนาคาร, แหล่งอื่น ๆ
  • คุณเป็นคนที่มีความรู้พื้นฐานของการออกกำลังกาย
  • คุณสามารถจัดสรรเวลาเพื่อดำเนินธุรกิจได้อย่างสม่ำเสมอ
  • คุณสามารถจัดหาบุคลากรที่จะมาช่วยเหลือในการดำเนินธุรกิจได้ เช่น บุคลากรด้านบัญชี, ทรัพยากรมนุษย์
  • คุณเป็นคนที่มีความรู้พื้นฐานด้านการตลาด
  • คุณเป็นคนที่เข้าใจการลงทุนพื้นฐาน การจัดการรายรับ-รายจ่าย

‘You have to think about it before you can do it. The mind is what makes it all possible.’ — Kai Greene,

เมื่อคุณเข้าใจและพิจารณาเช็กลิสต์ด้านบนอย่างถี่ถ้วน และให้ปัจจัยแก่ตนเองผ่านเกินครึ่ง คุณสามารถก้าวมาเป็นเจ้าของฟิตเนสที่ประสบความสำเร็จได้อย่างแน่นอน

เจ้าของฟิตเนสควรพึงพิจารณา 10 ปัจจัยต่อไปนี้ เพื่อสร้างรากฐานความสำเร็จให้แข็งแรง

  1. วางแผนและสำรวจลูกค้า

หากคุณต้องการจะเปิดฟิตเนส ปัจจัยอันดับแรกที่สุดที่จะต้องคำนึงถึงนั่นก็คือ ‘การวางแผนและสำรวจผู้ใช้งาน’ โดยคุณจะต้องรู้ว่าลูกค้าของคุณคือใคร มีกำลังซื้อเท่าไหร่ มีอาชีพอะไร และส่วนใหญ่ผู้ใช้งานจะมีลักษณะการออกกำลังกายรูปแบบไหน

ภาพจาก brocku

การวางแผนในจุดนี้เอาไว้ล่วงหน้า จะช่วยให้การดำเนินธุรกิจในขั้นตอนถัดไปมีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น คุณจะสามารถพัฒนาฟิตเนสได้ถูกจุด มีโรดแมปที่ชัดเจนว่าธุรกิจฟิตเนสของคุณจะไปในเส้นทางไหน และช่วยกำจัดความเสี่ยงของการลงทุนในระยะยาวได้มหาศาล

  1. ทำเลที่มีประสิทธิภาพ

หลังจากที่คุณได้วางแผนและรู้กลุ่มเป้าหมายของผู้ใช้บริการแล้ว ‘ทำเล’ เป็นสิ่งที่คุณจะต้องเลือกพิจารณาอย่างถี่ถ้วน ซึ่งหากทำเลดี ธุรกิจของคุณก็อาจจะประสบความสำเร็จได้อย่างไม่รู้ตัว โดยทำเลนั้นก็มีปัจจัยในการเลือกอยู่หลายประการ ดังนี้

  • ราคาของทำเลมีความสอดคล้องกับมูลค่าของพื้นที่หรือไม่
  • ลักษณะของทำเลเป็นแบบใด (เช่ารายเดือน-ปี หรือซื้อขาด)
  • ทำเลมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากเพียงใด (ที่จอดรถ, เส้นทาง)
  • รอบข้างเป็นพื้นที่ที่สามารถเพิ่มมูลค่าให้กับฟิตเนสได้หรือไม่ เช่น ตลาดเปิด, พื้นที่พักอาศัย (คอนโด หมู่บ้าน แหล่งชุมชน)
  1. งบประมาณสำหรับการลงทุน

การเริ่มต้นลงทุนจะต้องทราบต้นทุนและงบประมาณที่คุณได้จัดสรรเอาไว้ ซึ่งต้นทุนที่คุณควรจะคำนึงถึงมีตัวอย่างดังนี้

ต้นทุนจ่ายครั้งเดียว

  • ค่าทำเล สถานที่ประกอบการแบบซื้อขาด
  • เครื่องออกกำลังกาย
  • ค่าตกแต่งภายใน
  • ค่าออกแบบเว็บไซต์
  • ค่าใบอนุญาตประกอบธุรกิจ
  • ค่าธรรมเนียมทางกฏหมาย

ต้นทุนจ่ายรายเดือน-ปี

  • ค่าทำเล สถานที่ประกอบการแบบเช่า
  • พนักงาน เทรนเนอร์
  • ประกันภัย
  • ค่าโฆษณาและทำการตลาด (หากจ้าง Agency ดูแลการตลาดให้)
  • ค่าน้ำ-ค่าไฟ
  • ค่าสิ่งอำนวยความสะดวกในฟิตเนส
  • ค่าบำรุงรักษาอุปกรณ์ฟิตเนส, สถานที่ (หากไม่มีการรับประกัน)
  • ค่าอินเทอร์เน็ต Wi-Fi
  1. พื้นที่สำหรับการเปิดฟิตเนส
ภาพจาก colliers

การเลือกขนาดพื้นที่สำหรับการเปิดฟิตเนสจะอิงกับข้อมูลที่คุณได้รวบรวมเอาไว้ในขั้นตอนแรก ซึ่งพื้นที่นั้นคุณก็จะต้องจัดสรรให้เพียงพอกับการใช้งานของผู้ใช้บริการ อีกทั้งยังต้องมีการแบ่งโซนภายในฟิตเนสอย่างชัดเจน ว่าจะเป็นโซนสำหรับการใช้ออกกำลังกายแบบใด ไม่ว่าจะเป็น

  • โซนสำหรับการ Weight Training เช่น เครื่องสมิธ, ม้านอน Bench Press
  • โซนการออกกำลังกายแบบ Cardio เช่น ลู่วิ่งไฟฟ้า, เครื่องเดินวงรี, จักรยานปั่น
  • โซนออกกำลังกายหมู่ คลาสเรียนรวม

และอีกโซนที่มักจะถูกละเลยคือ ‘โซนอเนกประสงค์’ ที่ควรจะมีการจัดสรรพื้นที่ประมาณ 10-20% สำหรับการใช้ยืดเหยียดร่างกาย, ผ่อนคลายร่างกายหลังออกกำลังกายเสร็จ, พื้นที่สำหรับการออกกำลังกาย Free Weight, การออกกำลังกายเพื่อฝึกความแข็งแรงของลำตัว (Core Training) เช่น การออกกำลังกายประเภทกายกรรม (Calisthenics)

  1. ทำการโปรโมท โฆษณา

การจะสร้างแบรนด์ฟิตเนสของคุณให้รู้จักอย่างแพร่หลายจะต้องทำการโปรโมท และโฆษณา ซึ่งในปัจจุบันก็สามารถทำได้ง่ายผ่านช่องทางออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็น Facebook, Instagram, Twitter, YouTube ฯลฯ ซึ่งอาจจะมีโมเดลการโฆษณาดังนี้

ภาพจาก fitsw
  • กลายเป็น Influencer ด้านการออกกำลังกาย เพื่อสามารถใช้เป็นช่องทางการโปรโมทฟิตเนส
  • เปิด Facebook Page เพื่อสร้างคอนเทนต์และทำการยิงโฆษณาสู่กลุ่มเป้าหมาย
  • ทำการโปรโมทฟิตเนสผ่านกลุ่มผู้รักออกกำลังกายในช่องทางออนไลน์ต่าง ๆ เช่น กลุ่ม Facebook, Line
  • ใช้ช่องทาง Offline ในการโปรโมท เช่น ใบปลิว, ออกบูธ

การโปรโมทและโฆษณาจะช่วยให้ผู้ใช้บริการรับรู้ว่าคุณนั้นมีตัวตน และเริ่มเข้ามาใช้บริการจากฟิตเนสของคุณได้

  1. เลือกซื้อเครื่องออกกำลังกายให้คุ้มค่า

เครื่องออกกำลังกายเป็นสิ่งที่มาคู่กับฟิตเนส ดังนั้น ยิ่งเครื่องออกกำลังกายของคุณมีความน่าสนใจ ฟังก์ชันที่ครบครัน ดีไซน์โมเดิร์นสวยงาม น่าใช้งาน ก็จะยิ่งดึงดูดให้ผู้ใช้บริการใช้งานต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน

ภาพจาก hussle

ซึ่งการเลือกซื้อเครื่องออกกำลังกายควรจะสังเกตจากโซนที่คุณได้จัดสรรเอาไว้สำหรับเครื่องออกกำลังกายแต่ละประเภท โดยจำนวนของเครื่องออกกำลังกายหากคุณวัดจากผู้ใช้บริการประมาณ 20 คนในหนึ่งชั่วโมง คุณควรจะมีเครื่องออกกำลังกายอย่างน้อย 12-15 ชิ้น ที่ประกอบไปด้วย

  • เครื่องออกกำลังกายประเภท Cardio เช่น ลู่วิ่งไฟฟ้า, เครื่องเดินวงรี, จักรยานเอนปั่น
  • เครื่องออกกำลังกายอเนกประสงค์ ออกกำลังได้ครบทุกส่วน เช่น เครื่องสมิธ
  • เครื่องออกกำลังกายเฉพาะส่วน เช่น เครื่องบริหารกล้ามเนื้ออก (Pec Deck Fly Machine) เครื่องบริหารกล้ามเนื้อขา (Leg Press Machine)
  • อุปกรณ์ออกกำลังกายแบบ Free Weight เช่น ดัมเบล, บาร์เบล, ลูกบอลโยคะ
  • อุปกรณ์จิปาถะทั่วไป เช่น เสื่อโยคะ, โยคะฟลาย, แผ่นผนังเบาสำหรับเตะต่อย

อีกหนึ่งปัจจัยที่สำคัญหากคุณต้องการลงทุนในระยะยาวให้คุ้มค่าที่สุด นั่นคือการเลือกซื้อเครื่องออกกำลังกายจากแบรนด์ที่มี ‘บริการหลังการขายที่ดี’ เพราะเครื่องออกกำลังกายมีราคาสูง หากคุณไม่มีบริการหลังการขายที่ดี อาจทำให้เกิดค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ดังนั้นก่อนคุณจะเลือกซื้อเครื่องออกกำลังกาย คุณควรจะพิจารณาปัจจัยเหล่านี้ให้ขึ้นใจ

  • การรับประกันเครื่องออกกำลังกายขั้นต่ำ 1 ปี
  • บริการจัดส่ง-ติดตั้ง-ซ่อมแซมให้ถึงฟิตเนส
  • มีการสำรองอะไหล่ 5% เพื่อความรวดเร็วในการให้บริการซ่อมแซม
  • มีประสบการณ์ในอุตสาหกรรมฟิตเนสหลายปี
  • บริการให้คำปรึกษาการเปิดฟิตเนสฟรี
  • ตรวจเช็กสภาพเครื่องออกกำลังกายให้ฟรี ทุก 4 เดือน

หากถามว่าทำไมการเลือกซื้อเครื่องออกกำลังกายถึงต้องพิจารณาปัจจัยมากมายหลายข้อ นั่นเป็นเพราะว่าการเลือกซื้อเครื่องออกกำลังกายในปัจจุบันนั้นมีแบรนด์ผู้ให้บริการจำนวนมาก การที่เราได้เลือกแบรนด์ที่สามารถไว้วางใจ ตรงต่อเวลา พร้อมกับความเชี่ยวชาญจึงสามารถตอบโจทย์ ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายจุกจิกเพิ่มเติม สร้างผลกำไรได้ในระยะยาวได้ไม่ติดขัด

ภาพจาก NBA Sportmanagement

ซึ่งหากคุณสนใจเครื่องออกกำลังกายที่มีมาตรฐานครบครันเช็กลิสต์ด้านบน สามารถพิจารณาเลือกซื้อเครื่องออกกำลังกายจากแบรนด์ NBA Sportmanagement ที่เป็นผู้จัดจำหน่ายเครื่องออกกำลังกายคุณภาพอันดับ 1 พรั่งพร้อมด้วยประสบการณ์ในอุตสาหกรรมกีฬามากกว่า 20 ปี และสิ่งที่พิเศษคือ ‘ราคาที่ไม่แพง’ และมีบริการให้คำปรึกษาก่อนเปิดฟิตเนสฟรี

หากคุณสนใจ สามารถเลือกซื้อเครื่องออกกำลังกายคุณภาพเกรดฟิตเนสชั้นนำได้ ที่นี่ หรือบน Shopee, Lazada

  1. สร้างมาตรฐานความสะอาดที่ดีให้กับฟิตเนส

ในปัจจุบันที่มีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้ธุรกิจทุกประเภทจะต้องปรับตัวให้สอดคล้องกับนโยบายมาตรฐานความสะอาดเพื่อให้ได้รับการอนุมัติให้ดำเนินธุรกิจได้

ภาพจาก cleanmypremises

ดังนั้นช่วงเวลานี้ถือว่าเป็นช่วงเวลาที่ดี สำหรับการยกระดับมาตรฐานความสะอาดให้กับฟิตเนส ไม่ว่าจะคุณจะเป็นเจ้าของฟิตเนสเปิดใหม่ หรือว่าฟิตเนสเจ้าเก่าก็ตาม เพราะความสะอาดเป็นหนึ่งในสิ่งที่เจ้าของฟิตเนสควรจะใส่ใจอยู่เสมอ

มาตรฐานความสะอาดที่ฟิตเนสควรพึงมีจะมีดังนี้

  • สวมใส่หน้ากากอนามัยขณะเข้าใช้บริการ (ภายใต้สถานการณ์โควิด-19)
  • จัดเครื่องออกกำลังกาย และผู้ใช้งานให้มีระยะห่าง 3-4 เมตร (ภายใต้สถานการณ์โควิด-19)
  • จำกัดผู้เข้าคลาสเรียนรวม เช่น คลาสเรียน HIIT (ภายใต้สถานการณ์โควิด-19)
  • มีการทำความสะอาด ฆ่าเชื้ออุปกรณ์ทุก ๆ 30 นาที
  • เครื่องปรับอากาศสามารถฟอกอากาศ ฆ่าเชื้อไวรัสได้
  • มีเจลแอลกอฮอล์ให้บริการ
  • มีระบบระบายอากาศให้มีความปลอดโปร่ง ไม่อึดอัด
  • จำกัดผู้เข้าใช้บริการให้เหมาะสมกับพื้นที่
  • มีระยะเวลาการเปิด-ปิดให้บริการที่ชัดเจน
  • มีการสื่อสารกับผู้ใช้บริการอยู่สม่ำเสมอ
  • งดให้บริการสถานที่ที่เป็นพื้นที่อับ อากาศไม่ถ่ายเท เช่น ห้องอบไอร้อน ห้องซาวน่า
  1. มีสิ่งอำนวยความสะดวกอื่น นอกเหนือจากการให้บริการออกกำลังกาย

ฟิตเนสไม่เพียงแต่จะเป็นสถานที่สำหรับการออกกำลังกายเท่านั้น แต่ยังสามารถเป็นสถานที่พบปะสังสรรค์กันอย่าง Active ในหมู่เพื่อนได้ ดังนั้น หากฟิตเนสของคุณมีสิ่งอำนวยความสะดวกอื่น ๆ (Facility) ให้บริการแก่สมาชิก ก็จะสามารถเพิ่มความพึงพอใจ ความสะดวกสบาย และหากพิจารณาดี ๆ จะพบว่าบริการบางชนิดก็อาจเป็นหนทางการสร้างกำไรเสริมให้กับฟิตเนสได้เช่นเดียวกัน

ภาพจาก matrixfitnessclub

ตัวอย่างสิ่งอำนวยความสะดวกที่คุณสามารถนำไปปรับใช้กับฟิตเนสของคุณมีดังนี้

  • สปา ซาวน่า ห้องอบสตีม (งดให้บริการช่วงโควิด-19)
  • สระว่ายน้ำ
  • ห้อง Wellness สำหรับการนั่งสมาธิ นวดผ่อนคลาย เล่นโยคะ พิลาทิส โดยเฉพาะ
  • คอร์ทอาหารและเครื่องดื่ม สำหรับการจำหน่ายเวย์โปรตีน หรืออาหารคลีนเพื่อสุขภาพ
  • ห้องเปลี่ยนชุด และล็อกเกอร์สำหรับผู้ใช้บริการ
  • พื้นที่สำหรับใช้ปั่นจักรยานออกกำลังกาย
  • บริเวณเลาจ์ VIP สำหรับการสังสรรค์
  • พื้นที่ชกมวย
  1. มีคลาสเรียนหลากหลาย น่าสนใจ

การออกกำลังกายแบบเดิม ๆ เช่นการยกเวท หรือการวิ่งทั่ว ๆ ไปอาจจะไม่สามารถสร้างความสนุกสนาน และความดึงดูดได้มากพอ ดังนั้นฟิตเนสจึงจะต้องมีการจัดทำคลาสเรียนสำหรับผู้ใช้บริการที่น่าสนใจ ซึ่งคลาสเรียนดังกล่าวก็จะต้องมีความหลากหลาย ทันสมัย เข้าร่วมแล้วได้ผลลัพธ์ที่สังเกตเห็นได้ เช่น มีรูปร่างที่ดี กระชับขึ้น สุขภาพดีขึ้น ฯลฯ

คลาสเรียนที่มีความน่าสนใจในปี 2022 จะมีดังนี้

  • คลาสเต้นออกกำลังกาย
  • คลาสสอนมวยไทย
  • คลาสฟื้นฟูร่างกาย-จิตใจ (โยคะ,พิลาทิส)
  • คลาสออกกำลังกายความเข้มข้นสูง HIIT
  • คลาสปั่นจักรยาน
  • คลาสยกน้ำหนักสร้างกล้ามเนื้อ
  • คลาสออกกำลังกาย CrossFit
  1. ให้ความสำคัญกับการให้บริการลูกค้าอันดับหนึ่ง

สิ่งที่สำคัญที่สุดหากคุณต้องการจะสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับฟิตเนสของคุณ นั่นก็คือ ‘การบริการลูกค้า’ หรือ Customer Service ที่คุณควรจะมีการทำให้บริการที่ดี และทำความความเข้าใจผู้ใช้บริการอยู่เสมอ เพราะผู้ใช้บริการคือปัจจัยที่จะเป็นตัวชี้วัด ‘ความสำเร็จ’ ให้กับฟิตเนสของคุณทั้ง ‘ปัจจุบัน’ และ ‘อนาคต’ 

ภาพจาก precor

เพราะหากคุณดูแลลูกค้าได้อย่างดีเยี่ยม สามารถตอบโจทย์ มอบประสบการณ์การใช้บริการได้ครบครัน ลูกค้าของคุณจะพึงพอใจ และทำการบอกต่อ (Word of Mouth) ให้กับคนรอบตัวของเขา ซึ่งก็สอดคล้องกับงานวิจัยจาก Word of Mouth Marketing Association (WOMMA) ที่ได้เผยว่า

  • การบอกต่อทั้ง Offline (ผ่านผู้ใช้กันเอง) และ Online (การแชร์) สามารถช่วยเพิ่มกำไรได้จริง โดยการบอกต่อแบบ Offline มีผลถึง ⅔ ของยอดขายทั้งหมด และช่องทาง Online มีผลประมาณ ⅓ 
  • การบอกต่อแบบปากต่อปาก Offline มีแรงจูงใจที่มากกว่าการยิงโฆษณา Online อย่างน้อย 5-100 เท่า

มากไปกว่าผลกำไรที่คุณจะได้รับ นั่นคือ ‘ภาพลักษณ์ที่แข็งแรงของแบรนด์’ ที่จะเพิ่มพูนมาจากการให้บริการลูกค้าที่ยอดเยี่ยม สิ่งเหล่านี้จะส่งผลให้ฟิตเนสของคุณเติบโตอย่างรวดเร็ว จนมีศักยภาพมากพอที่จะตีตลาดและแข่งขันกับแบรนด์ใหญ่ ๆ ได้อย่างไม่มีปัญหา และกลายมาเป็นธุรกิจฟิตเนสที่ประสบความสำเร็จได้ในที่สุด

สรุป

เนื้อหาที่เราได้นำมาให้ในวันนี้ หวังว่าจะเป็นข้อมูลที่สามารถช่วยให้เจ้าของฟิตเนสมือใหม่ทุกคนได้นำไปเป็นเป็นคู่มือศึกษาธุรกิจฟิตเนสเบื้องต้น เพื่อเสริมสร้างการลงทุนฟิตเนสให้มีความปลอดภัย และช่วยปูทางให้ธุรกิจของคุณประสบความสำเร็จได้ตามเป้าหมายที่คาดหวัง

ต้องการเปิดฟิตเนส?

ให้เราช่วยบอกคุณว่าควรเริ่มต้นอย่างไรให้ได้กำไรเข้าธุรกิจยิมของคุณให้ได้มากและเร็วที่สุด เราให้คำปรึกษาฟรีที่เหมาะกับขนาดพื้นที่และงบประมาณ

ปรึกษาฟรี!